วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Wanted [Chapter 13]


เมื่อได้ยืนอยู่ปากเหว  ระหว่างความเป็น และความตาย...ห้ามได้หรือ  หากจะท้าทายกับโชคชะตา
ไม่รู้ว่าทำเพื่อตัวเอง...หรือใครอีกคนที่เริ่มเข้ามามีอิทธิพลในหัวใจ

เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น

ภายในห้องที่ใช้สำหรับตรวจดูความเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดที่ติดรอบทัณฑสถาน  และสัญญาณอินฟราเรดที่ใช้ตรวจจับสิ่งผิดปกติภายในเรือนจำ  ด้วยความไว้วางใจนั้น  ปาร์คยูชอนจึงเรียกให้ตำรวจบรรจุใหม่ที่มีฝีมืออย่างชองยุนโฮมาคอยเฝ้าและตรวจดูพฤติกรรมของนักโทษภายในห้องนี้  ส่วนตนจะขอไปรื้อแฟ้มคดีที่ห้องทำงานของตนเพียงลำพังเกี่ยวกับคดีที่ซ่อนปมไว้ระหว่างนักโทษชายทั้งสิบที่แหกคุกออกไปและคิมอึนยองที่ได้เข้ามาแจ้งความและดำเนินคดีเมื่อหลายปีก่อนจนศาลตัดสินให้นักโทษชายทั้งสิบจำคุกโดยไม่มีกำหนดออก  ซึ่งดูท่าแล้วคดีนี้อาจจะพลิกผันก็ได้  เพราะพฤติกรรมของอึนยองดูน่าสงสัยนัก

ยังไงก็อย่าหักโหมมากนะครับ พักผ่อนบ้าง เจ้าหน้าที่ปาร์คยุนโฮเอ่ยขณะที่ยูชอนจะก้าวออกจากห้องไป

อืม  ฉันฝากนายด้วยนะยูชอนหันมายกยิ้มให้อย่างเหนื่อยล้า เพราะทั้งวันเขาไม่ได้พักเลย  ไม่มีเวลาว่างให้ได้พักหายใจ  เพราะต้องทำการสอบสวนผู้ต้องหารายอื่นในคดีต่างๆตั้งมากมาย

ทันทีที่ยูชอนก้าวออกจากห้องไปและปิดประตูลง  ร่างสูงโปร่งในชุดนอกเครื่องแบบก็เดินสำรวจรอบห้องกว้าง ดูแล้วคงสร้างระบบรักษาความปลอดภัยไว้อย่างเข้มงวด  ยากที่จะแหกคุกออกไป พวกลูกน้องของตนมีสิบหัวคงช่วยกันคิดหาทางแหกคุกออกมาได้ นับว่าโชคดีแค่ไหน ที่รอดพ้นออกมา

ระหว่างที่คิดจะหาหนทางช่วยเพื่อนออกไปจากเรือนจำ  บนหน้าจอมอนิเตอร์หลายสิบตัวได้ปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งมองดูแล้วมีนักโทษสองคนที่คิดจะพากันหนี  ส่งผลให้รอยยิ้มร้ายจุดขึ้นที่ริมฝีปากหนาอย่างพอใจ  แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรแล้ว  ที่จะ...

พรึ่บ!
ฝ่ามือใหญ่จัดการสับสวิทซ์หลักซึ่งอยู่ในห้องนั้น  ส่งผลให้ไฟทั้งอาคารดับสนิทมีเพียงความมืดที่ปกคลุมไปรอบทัณฑสถาน รวมทั้งระบบความปลอดภัยก็ใช้การอะไรไม่ได้ เพราะถูกตัดหมดแล้ว

พ่อตำรวจคนขยัน  ทำงานในความมืดไปก่อนแล้วกันนะ  หึๆ

ถ้าเป็นตำรวจ วันนี้มีเพียงเขากับเจ้าหน้าที่ปาร์คแค่สองคน  แต่ถ้าเป็นผู้คุมป่านนี้ก็คงวิ่งวุ่นในการจับนักโทษที่คิดหนีอย่างแจจุงและนักโทษอีกหนึ่งคนเป็นแน่
ว่าแต่...อีกคนนั่นใครกัน...


เหตุการณ์ปัจจุบัน

พวกนายจะไปไหน?”  เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็มองไม่ชัดว่าเป็นใครที่เข้ามาขัดขวาง  ฝ่ามือเล็กบีบไหล่กว้างทั้งสองข้างของแจจุงไว้แน่น พร้อมทั้งฟุบหน้าลงด้วยความหวาดกลัว  จุนซูพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไห้ไว้  แต่น้ำตาที่มันไหลออกมาไม่หยุดจนเลอะเต็มไหล่กว้างนั้นทำให้แจจุงรับรู้ 

ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยหวาดกลัวอะไร  มีเพียงแค่ตอนนี้เท่านั้นที่รู้สึกกลัว  แค่กลัวใครอีกคนหนึ่งที่อยู่บนหลังจะไม่ปลอดภัย
เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ในระยะที่มีแสงจันทร์ส่องกระทบลงบนใบหน้า  เมื่อมองดูให้ดีๆเป็นแจจุงที่ต้องเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง  ถ้าครั้งนี้พระเจ้าจะเข้าข้างคนอย่างเขา ก็ต้องขอขอบคุณ..

                แจจุงไม่พูดอะไรออกมา แม้จะกระจ่างในใจโดยไร้คำอธิบายใดๆ แต่คำถามมากมายมันยังล้นอยู่ในอกจนอยากจะถามออกไป  แต่ในตอนนี้เวลามีไม่มากแล้ว  ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนดึงเข้าไปอยู่ในเกมส์ที่กำหนดเวลา  เมื่อช้าเวลาก็หมดลง   แล้วเป็นเราที่ไม่รอด  ถือว่าจบเกมส์... 

พวกนายรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ  อย่าเพิ่งไปไหน”  เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายเดินออกไป  พร้อมทั้งคำพูดเมื่อครู่ที่ดูเป็นมิตรนั้น ทำให้จุนซูค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาพร้อมคราบน้ำตาที่ไหลเลอะเต็มใบหน้า  แขนเล็กยกขึ้นเช็ดน้ำตาของตัวเองให้จางหาย  ก่อนจะเอียงคอมองดูใบหน้าหล่อที่มีสีหน้านิ่งเฉย ในดวงตาไม่ฉายแววอะไรนอกจากความว่างเปล่า  นั่นก็ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกเบาใจ เพราะเป็นสีหน้าปกติธรรมดาของแจจุงที่เย็นชาอยู่แล้ว  แสดงว่าคงไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลสินะ

แจจุง...ขณะที่เรียกชื่ออีกฝ่าย แก้มใสก็แนบอยู่ที่ลำคอของชายหนุ่มพร้อมทั้งมองดูแผ่นหลังของคนแปลกหน้าที่เดินออกไปจนลับสายตา

ฮึ..

เราปลอดภัยดีแล้ว..ใช่หรือเปล่า

อืม... แค่เพียงคำพูดสั้นๆห้วนๆ เขาก็รู้สึกโล่งใจ แม้จะรู้สึกกังวลและหวาดกลัวมากเท่าไหร่ แต่ขอแค่มีแจจุงนั้นอยู่ใกล้ เขาก็รู้สึกปลอดภัยแล้ว

เราจะหนีไปด้วยกัน  ไม่ว่าจะที่ใด ฉันจะไม่ไปไหนจากนาย  ขอแค่นาย...อย่าทิ้งฉันไปไหน

บรื้นน...
เวลาไม่กี่อึดใจรถกระบะสีดำได้แล่นเข้ามาจอดข้างหน้าคนทั้งสอง  ยุนโฮก้าวลงจากรถมา พร้อมทั้งโยนถุงเสื้อผ้าให้กับแจจุง   ฝ่ามือใหญ่รับมันไว้  ร่างแกร่งค่อยๆย่อตัวลงเพื่อให้คนที่ขี่หลังอยู่ได้ลงมา 

นายสองคนเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถนะ  เดี๋ยวฉันจะคอยมองรอบๆให้ยุนโฮยังคงเฝ้ามองไปยังอาคารที่มืดสงัด  หวังว่าให้คนข้างในเข้าใจผิดว่าถูกไฟตัด  ขอให้อย่าจับได้ว่ามีคนจงใจสับสวิซท์ไฟ...

ไม่มัวรออะไร คนทั้งสองก้าวเข้าไปนั่งในรถอย่างเร่งรีบ  ซึ่งยุนโฮก็ปิดประตูให้และยังคอยระวังโดยรอบไม่ให้คราดสายตา  ตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้น่าวิตก  เพราะทั้งอาคารไฟยังคงดับอยู่

ภายในรถนั้น  ขณะที่ทั้งสองกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่  จุนซูดันเผลอไปมองอีกฝ่าย  ก็พบกับร่างกึ่งเปลือยของแจจุงที่กำลังง่วนงุ่นอยู่กับการใส่กางเกง  และนั่นก็ทำให้หัวใจดวงน้อยๆเต้นแรงทุกขณะเมื่อยามหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่แต่ละครั้ง  พอคนทั้งสองจัดการกับอาภรณ์ของตัวเองเสร็จจนไม่เหลือคราบนักโทษแล้ว  ร่างแกร่งจึงโน้มตัวเข้าหาร่างเล็กที่กล้าๆกลัวๆ พร้อมทั้งพูดอะไรออกมา  ซึ่งทำให้คนฟังไม่รู้จะตอบคำถามนั้นอย่างไรดี

กลัวตายหรือเปล่า

......ไม่พูดอะไร ได้แต่ส่ายหน้ารัวเมื่อยามมองสีหน้าที่จริงจังของคนตรงหน้า  จุนซูกลืนน้ำลายลงลำคออย่างยากลำบาก เมื่อใบหน้าหล่อได้เคลื่อนเข้ามาใกล้  ระยะห่างเพียงแค่ลมหายใจคั่นกลาง  ดวงตาคมเหลือบมองริมฝีปากที่กำลังสั่นเทา  และนั่นก็ทำให้หัวใจดวงน้อยๆถึงกับเต้นไม่เป็นส่ำ
ตึกๆๆ...

อยู่กับฉันมันก็เหมือนผ่านความตายมาแล้วนี่ ถ้าเจออะไรต่อจากนี้มันก็ไม่น่ากลัวสักเท่าไหร่หรอก เหมือนต้องการจะทบทวนความทรงจำ ฝ่ามือใหญ่อีกข้างได้ลูบเข้าที่ต้นคอขาวเนียนพร้อมกับบีบและกดลงไปที่เนื้อขาวละเอียดจนเกิดรอยแดง  จุนซูนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ  ฝ่ามือเล็กยกขึ้นจับมือใหญ่ไว้ให้หยุดกระทำ  เพราะตนเคยเรียนรู้ความทรมานจากแจจุงมาแล้ว  ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก

แจจุงจึงค่อยๆคลายฝ่ามือออก เมื่อเห็นหางตาของอีกฝ่ายมีหยาดน้ำตารื้นอยู่


ภายในห้องทำงานของตำรวจหนุ่ม

ยูชอนหยิบกระบอกไฟฉายขนาดเล็กที่เหน็บไว้ที่เอวขึ้นมา  พร้อมทั้งเดินออกมานอกห้อง  ใช้แสงสว่างจากไฟฉายคอยส่องนำทาง  สัญชาตญาณมันบอกว่าลางสังหรณ์เริ่มไม่ค่อยดี   จู่ๆไฟมาดับทั้งอาคารแบบนี้  ราวกับจงใจ

ทำไมป่านนี้ชองยุนโฮยังไม่โทรมารายงานอะไร  ทำไมคนที่เขาไว้ใจชอบทำตัวให้น่าสงสัยนัก

เจ้าหน้าที่ปาร์คครับ มีนักโทษชายสองคนแหกคุกออกไปได้ผู้คุมร่างใหญ่ที่โดนแจจุงทำร้ายจนร่างกายฟกช้ำรีบวิ่งเข้ามาหาปาร์คยูชอนทันที่ที่ตำรวจหนุ่มออกจากห้องทำงานมา

พอจะจำได้หรือเปล่าว่าเป็นนักโทษคนไหนเขายังคงใจเย็นที่จะรอฟังคำตอบ  แม้เรื่องนี้จะแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็ตามเพราะคงทำพลาดไม่ได้อีก  ครั้งหนึ่งก็เคยโดนตำหนิเรื่องนักโทษชายที่แหกคุกออกไปแล้ว

คิมแจจุง และนักโทษอีกคนที่จะขึ้นศาลพรุ่งนี้ครับคิมจุนซู...

อืม...เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจัดการเองครั้งนี้ก็แค่นักโทษชายแหกคุกไปอีกสองราย แต่เขามั่นใจว่าพวกที่แหกคุกออกไปไม่มีความผิด มันเป็นเพียงแค่สิ่งที่เขาตั้งสมมติฐานขึ้นเท่านั้น   ส่วนแจจุงแม้จะผิดจริงในคดีฆ่าคนตาย หากแต่เป้าหมายของฉันก็ไม่ใช่นายตั้งแต่แรกแล้ว

ส่วนเรื่องพรุ่งนี้คงต้องปล่อยให้เป็นไป  แต่ถ้าไม่มีจำเลย การพิจารณาของศาลในคดีอาญาครั้งนี้คงไม่สมบูรณ์
ตัดสินไม่ได้สินะ...

แจจุง ฉันฝากนายด้วย  พาจุนซูหนีไปให้ไกล
ที่เหลือนี้ ฉันจะจัดการเอง...



ยุนโฮรีบเดินมาเปิดประตูรถพร้อมทั้งเข้ามานั่งข้างในอย่างเร่งรีบ  สองฝ่ามือจับพวงมาลัยรถไว้อย่างมั่นคง เท้าแกร่งได้ตรงเข้าเหยียบคันเร่งเพื่อออกรถ และขับไปข้างหน้าอย่างร้อนรน

ฉันไปส่งพวกนายถึงแค่ในตัวเมืองนะ นอกนั้นหาทางหลบหนีกันเอาเองเพราะไม่รู้ว่ากลับไปจะเจออะไรหรือเปล่า  ร้ายแรงสุดก็แค่โดนปลดประจำการ   ยังไงก็เอาความไม่ได้  เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่จะมาเอาผิดตน 

ขอบใจคำขอบคุณสั้นๆแต่มาจากใจ  บุญคุณที่เพื่อนได้ช่วยเหลือตนในครั้งนี้  สักวันเขาจะต้องตอบแทน

ขณะที่รถได้มุ่งเข้าสู่ท้องถนนใหญ่  นกน้อยที่เพิ่งหลุดออกมาจากกรงขังที่ได้สร้างรอยร้าวและความทรมานไว้อย่างสาหัส เมื่อพบหนทางแห่งอิสระ หัวใจก็เหมือนถูกปลดปล่อย  โลกภายนอกที่เมื่อยามมองทั้งสองข้างทางดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  แต่ชีวิตเขากำลังจะเปลี่ยนไปนับจากนี้ 

เมื่อรถได้แล่นมาถึงตัวเมือง  ยุนโฮจึงเลือกที่จะเข้าไปจอดรถในตรอกทางแคบเพราะมองดูแล้วไม่มีใครผ่านมาแถวนี้  มาเฟียหนุ่มในคาบตำรวจได้ยื่นของสิ่งหนึ่งให้กับเพื่อนสนิท เพราะคิดว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับแจจุงและใครอีกคนที่มาด้วยกัน

เงินปึกนี้มันอาจไม่มากมายอะไร แต่ก็พอจะให้พวกนายหลบหนีไปได้  รับไปสิ แจจุงรับเงินปึกนั้นมา  แม้ลึกๆจะเกรงใจไม่น้อย  แต่ก็จริงอย่างที่เพื่อนสนิทว่า  หากไม่มีเงินคงยากลำบากที่หนีหัวซุกหัวซุนเพื่อเอาชีวิตรอด

นี่ก็ด้วยขาดไม่ได้เลย  สำหรับปืน...

รถกระบะได้ขับออกไปจนลับสายตา  ทิ้งไว้แต่สองร่างที่จะต้องเผชิญกับชะตากรรมบนโลกที่ไร้ความยุติธรรม  ต่อจากนี้...จะเป็นยังไงนะ  จะโชคดีได้แบบนี้ตลอดไปหรือเปล่า

นายรู้จักกับคุณตำรวจคนนี้ด้วยหรอ?” แจจุงไม่ตอบอะไรได้แต่หันมามองคนขี้สงสัยด้วยแววตาไม่สื่อความหมายใดๆ  ก่อนจะเดินออกมาจากตรอกทางแคบ  ร่างเล็กจึงรีบเดินตามไปติดๆ 

แปะๆ..

เม็ดฝนหยดแหมะลงบนแก้มสาก ทำให้ใบหน้าหล่อแหงนขึ้นมองดูท้องฟ้าที่มืดสงัด  หมู่เมฆสีดำได้ก่อตัวหลอมรวมกัน ฟ้าแลบแปลบปลาบและส่งเสียงคำรามลั่น  ในไม่ช้าฝนคงตกหนักเป็นแน่



ร่างแกร่งหันไปมองคนข้างหลัง ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้  ปลายนิ้วหยาบกระด้างยกขึ้นเช็ดละอองฝนบนแก้มเนียนใสบางเบา  ก่อนแจจุงจะดึงฮู้ดขึ้นมาคลุมศีรษะของอีกฝ่ายเมื่อมีละอองฝนตกลงมาประปราย  ดวงตากลมใสจ้องมองใบหน้าหล่อที่ก้มลงมา รอยยิ้มบางเบาจุดขึ้นที่ริมฝีปากบาง เมื่อคนตรงหน้ากำลังขยับเชือกฮู้ดของตนและดึงให้เข้าที่

นายยังเหมือนเด็กๆไม่เปลี่ยนเลยนะ จุนซู

นายไม่มีฮู้ดคลุม  โดนละอองฝนแบบนี้จะไม่สบายนะเพราะเสื้อที่แจจุงสวมใส่เป็นเพียงแค่เสื้อคลุมที่สวมทับกับเสื้อกล้ามสีขาวไม่ได้มีฮู้ดปกคลุมศีรษะเหมือนอย่างเขา เลยเอ่ยถามออกไปเพราะความเป็นห่วงอยู่ที่มีอยู่ล้นอก

ไม่ตายหรอกเอะอะก็พูดว่าไม่ตายอย่างเดียว  ตัวเองแข็งแกร่งสักแค่ไหนกันเชียวนะ

จุนซูล้วงอะไรบางอย่างในกระเป๋าออกมา  ซึ่งของสิ่งนี้เขาได้เก็บมันไว้พร้อมกับสร้อยข้อมือหญ้า  เมื่อตอนเด็กๆเขาเก็บเงินซื้อเอง เพราะนั่นหมายความว่าของสิ่งนี้จะมีค่าเมื่อได้ลงทุนด้วยตัวเอง

มันคือแว่นเรแบรนด์สีดำเท่ห์ๆ  ซึ่งเหมาะกับใครคนหนึ่งยิ่งนัก  แจจุงมองแว่นราคาแพงในฝ่ามือของจุนซูด้วยความสงสัย  ก่อนที่อีกฝ่ายจะจัดการสวมแว่นนั้นให้กับตน

ของสิ่งนี้ก็เหมาะกับแจจุง...เช่นกัน

นายสวมมันไว้นะ  พอดี..ฉันตั้งใจจะให้กับใครบางคน  แต่ฉัน  ให้นายก็ได้”  เพราะหากจะหลบหนี  แว่นตาของเขาก็อาจจะใช้อำพรางใบหน้าได้ไม่มากก็น้อย  แจจุงใส่แล้วเท่ห์มากๆเลยล่ะ  ทำไมเขาถึงอยากจะให้ของสิ่งนี้กับอีกฝ่ายก็ไม่รู้  หากวันใดวันหนึ่งได้เจอคนสำคัญของเขา  แล้วจะเหลือสิ่งไหนให้กันนะ  ในเมื่อตอนนี้ไม่มีอะไรนอกจากตัวและหัวใจ

แต่ไม่เป็นไรหรอก  เขาตั้งใจจะให้กับแจจุง...ให้ไปแล้วก็ทวงไม่ได้แล้วด้วย (รวมทั้งหัวใจก็ด้วย)

 ใจง่ายจังเลยนะ หึ  แจจุงดึงข้อมือนั้นมา พร้อมทั้งเดินไปข้างหน้าท่ามกลางอิสระและสายฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา แม้จะตกไม่หนักมาก แต่เมื่อนานๆเข้า เส้นผมและเสื้อผ้าก็เปียกจนชื้นแฉะได้เหมือนกัน  แจจุงเสยผมที่เปียกชุ่มของตัวเองขึ้น  พร้อมกระชับฝ่ามือนุ่มนิ่มและออกแรงวิ่งไปข้างหน้า  เพราะหากชักช้าอีกฝ่ายอาจจะไม่สบายก็เป็นได้

ภาพเด็กน้อยสองคนจับมือกันวิ่งเล่นท่ามกลางสายฝน  กำลังฉายชัดในความทรงจำของคนทั้งสองโดยไม่รู้ตัว  ต่างฝ่ายต่างหันมามอง  ต่างเห็นใบหน้าของเด็กน้อยในวันนั้นซ้อนทับที่ใบหน้าของกันและกัน

ไม่น่าเชื่อว่าจากแค่เคยวิ่งเล่นตากฝนอย่างสนุกสนานด้วยกันสมัยเด็กๆ  ในตอนนี้กลับต้องพากันวิ่งหนีสิ่งที่โหดร้ายจากขุมนรกนั้น  

รอยยิ้ม  ความทรงจำ  และสายฝน  จะเป็นสิ่งที่น่าจดจำในช่วงเวลาอันขมขื่น



แจจุงได้พาคนตัวเล็กมายังคอนโดแห่งหนึ่ง ที่หลบซ่อนสำหรับค่ำคืนนี้

เอี๊ยดด...

หญิงสาวเปิดประตูออกมาเมื่อได้ยินเสียงกดออดดังขึ้น  ทันทีที่ใบหน้าสวยหวานโผล่พ้นออกมานอกประตู  พร้อมทั้งร่างบอบบางที่มายืนอยู่ตรงหน้า  ดวงตาคมก็ถึงกับแดงก่ำและมีหยาดน้ำตาคลอหน่วงอยู่เต็มสองเบ้า  เมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนรักต้องมาเผชิญชีวิตอย่างยากลำบากตามลำพัง และแววตาที่ว่างเปล่าราวกับมองผ่านตนไป

จียอน...บางครั้ง เธอต้องเผชิญกับโลกที่มืดบอดเพราะสายตาที่มองไม่เห็นอะไร  มันอาจจะดีกว่ามีสายตาที่มองเห็นแต่ความสกปรกและความมืดหม่นบนโลกใบนี้   มองไม่เห็นอะไรเลยยังจะดีเสียกว่า....

ห้องนี้เขาเป็นคนจองไว้ รวมทั้งเงินมากมายที่ได้ค่าจ้างจากการฆ่าคนนั้น  เขาทิ้งไว้ให้กับจียอนก่อนที่ตัวเองจะถูกจับเข้าคุก  คนที่เกี่ยวข้องกับเขาล้วนตายจาก...มีเพียงแค่หญิงสาวตรงหน้าเท่านั้น

สิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องทางสายเลือด    ที่เขา...หลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้

จียอน...”  น้ำเสียงของพี่ชายดังขึ้นราวกับตนกำลังฝันไป  น้ำตาแห่งความดีใจไหลรินมาเป็นทางผ่านร่องแก้มอย่างสุดจะกลั้น  ฝ่ามือนุ่มอีกข้างยกขึ้นจับที่แก้มสาก และได้ถูกฝ่ามือใหญ่ทาบทับไว้

พี่แจ..พี่แจจุง  พี่แจจุงจริงๆใช่มั้ยคะ ฮึกก!”  จียอนเดินเข้ามาสวมกอดพี่ชายด้วยความคิดถึง  ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นลูบกลุ่มผมสีดำขลับด้วยความรักใคร่  แม้ภาพตรงหน้าจะบาดใจใครบางคนสักแค่ไหนก็ตาม  แต่เขาก็ขอที่จะเก็บลึกลงไป  ไม่แสดงออกมาว่ากำลังน้อยใจ

คนรักของนายสินะ แจจุง...

เมื่อคิดไปเองเสียแล้ว  คงห้ามไม่ได้ที่จะเสียใจ

ภายในห้องขนาดกว้างที่หญิงสาวได้จัดไว้ให้แจจุงและจุนซูเพื่อที่จะให้คนทั้งคู่ได้พักสำหรับคืนนี้  ร่างเล็กนอนกระสับกระส่ายอยู่กลางเตียง  เพราะป่านนี้ใครอีกคนยังไม่เข้ามาในห้องเลย  เพราะความอยากรู้จึงค่อยๆเดินไปเปิดประตูพร้อมก้าวออกมาจากห้อง  เดินมาเพียงไม่กี่ก้าว ก็พบกับร่างของหญิงสาวและชายหนุ่มนั่งอยู่ที่โซฟาตัวยาว  ทั้งแววตาและน้ำเสียงที่ห่วงใยของแจจุงในขณะที่พูดกับหญิงสาวน่ารักคนนั้น  หากในเวลาที่แจจุงพูดกับเขา  ขอให้น้ำเสียงและแววตาของอีกฝ่ายอ่อนโยนได้ครึ่งหนึ่งเหมือนตอนนี้ก็คงจะดีไม่น้อย

นี่เขาเป็นอะไรไปนะ  ทำไมความรู้สึกถึงได้งี่เงาแบบนี้นะ

เขาแอบฟังการสนทนาของคนทั้งสองอยู่เงียบๆที่มุมๆหนึ่ง พร้อมทั้งพิจมองใบหน้าของทั้งคู่ซึ่งดูไปแจจุงและหญิงสาวคนนั้นก็มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกัน ทั้งดวงตา จมูก และริมฝีปาก   หากบอกว่าเป็นพี่น้องกัน  เขาจะเชื่อโดยไม่มีข้อแม้

อยู่คนเดียวลำบากหรือเปล่า ฮึ

ไม่หรอก...วันๆ ก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนเลย  จะโทรสั่งอาหารสำเร็จรูปให้ขึ้นมาส่งมากกว่า

แล้วมีใครมาหา  มาข่มขู่อะไรหรือเปล่า

ม..ไม่มี”  จียอนส่ายหน้าปฏิเสธรัว  แต่นัยน์ตาเริ่มฉายแววกังวล กลัวว่าคำโกหกคำโตจะทำให้พี่ชายจับได้

หรือว่ามีจียอนเป็นน้องสาวของเขา มีหรือที่จะอ่านสีหน้าของคนเป็นน้องไม่ออก

เปล่านะ ไม่มี ฮึ่ก

บ่อยมั้ย? เล่าให้พี่ฟังมาทั้งหมด  เราเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่นะ บอกมาเถอะ

น้องสาวเหรอ...จริงๆด้วย  จุนซูแอบดีใจอยู่ลึกๆ

 ในที่สุดหล่อนก็ยอมเปิดปากเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้เป็นพี่ชายได้รับฟัง  หญิงสาวได้ใช้ชีวิตตามลำพังภายในห้องนี้อย่างหวาดระแวงไม่มีความสุขเลยสักวัน  เพราะความที่อยากรู้เรื่องราวของแจจุงที่อยู่ในคุกนั้น  เขาเลยดันทุรังขอร้องให้ใครสักคนที่เกี่ยวข้องกับแจจุงได้บอกตนว่าตอนนี้ผู้เป็นพี่ชายได้ใช้ชีวิตยังไง มีความเป็นอยู่อย่างไร ซึ่งลูกน้องของซึงฮยอนที่ชื่อทงยองเบได้เสนอมาเองว่าจะเป็นคนเล่าให้ฟังทั้งหมด 

และฉัน..ฮึ่กก  ก็โดนคนเลวนั่นขืนใจทุกครั้งเพื่อแลกกับคำบอกเล่าเกี่ยวกับตัวพี่  ฮืออ  จุนซูยกมือขึ้นปิดปาก  ดวงตาเริ่มร้อนผะผ่าว  ไม่คาดคิดว่าชีวิตของหญิงสาวหน้าตาน่ารักจะต้องมาเผชิญกับเรื่องแบบนี้  ร่างเล็กที่ยืนมองดูอยู่ห่างๆพร้อมน้ำตารู้สึกหดหู่ในใจอย่างบอกไม่ถูก  เขาสงสารจียอน  แล้วก็สงสารแจจุงไม่น้อยไปกว่ากันเลย

แจจุงเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่เขาไม่เคยรู้เกี่ยวกับน้องสาว  ก็ถึงกับกำฝ่ามือแน่นอย่างนึกแค้น  ใบหน้าหล่อได้แต่เสมองดูใบหน้าของน้องสาวที่มัวแต่ก้มร้องไห้กับโลกที่แสนโหดร้าย แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้  เมื่อชีวิตของตนในตอนนี้ก็เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย  จะขาดลงเมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้

ทุกชีวิตที่เกี่ยวข้องกับตน....ทำไมถึงล้วนเจอแต่เรื่องแบบนี้

จุนซูรีบเดินเข้าห้องไป ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ว่าตนนั้นแอบมองอยู่

 แต่สายตาของนักล่า มีหรือจะไม่รู้ว่ามีใครบางคนแอบมอง

จียอน...เดี๋ยวพี่ไปนอนก่อนนะ พี่รบกวนเราแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้น

แล้วพี่ต้องหนีแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนหรอคะ  มีทางอื่นอีกหรือเปล่า ที่จะปลอดภัยกว่านี้ฝ่ามือนุ่มตรงเข้ากอบกุมฝ่ามือของพี่ชายด้วยความกังวล  และสายตาก็ได้ มองผ่านใบหน้าของแจจุงไปอีกเช่นเคย

แจจุงไม่ตอบอะไร ได้แต่ลูบศีรษะมนด้วยความเอ็นดูแต่แฝงไปด้วยรอยแยกของความแค้นๆอยู่ลึกๆในก้นบึ้งของจิตใจกับคนที่ทำร้ายน้องสาวของตนให้ต้องแปดเปื้อนไปด้วยมือสกปรกของไอ้นรกนั่น

หรืออาจจะเป็นเพราะกรรมที่ตนเคยทำไว้กับใคร  กรรมนั้นเลยตกมาอยู่ที่น้องสาวของตนอย่างเลี่ยงไม่ได้

ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่ง 

เมื่อเดินมาส่งจียอนเข้านอนถึงห้อง  ตนจึงดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาห่มกายให้น้องสาวผู้เป็นที่รัก  ก่อนจะก้มลงจุมพิตบนหน้าผากเนียนเพียงบางเบา

ฝันดีนะ”  เมื่อเห็นเปลือกตาบางปิดกลั้นสนิทพร้อมลมหายใจที่สม่ำเสมอนั้น บ่งบอกได้เลยว่าอีกฝ่ายคงจะเข้าสู่ห่วงนิทราไปเรียบร้อย ตนจึงออกมาจากห้องและค่อยๆปิดประตูลงให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนที่หลับไปแล้ว


เอี๊ยดด..กึก

ในขณะที่ร่างเล็กได้นอนหันไปอีกทาง  บนเตียงใหญ่ในคราแรกมีเพียงแค่หนึ่งร่างเท่านั้นที่นอนอยู่  แต่ไออุ่นที่แผ่นหลังสัมผัสได้  คือร่างกายของใครอีกคนได้เข้ามานอนเคียงข้างกันเมื่อครู่  จุนซูค่อยๆหันไปอีกทางที่มีอีกหนึ่งร่างนอนอยู่  คิดว่าอีกฝ่ายจะนอนหันหลังให้เสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่าแจจุงนั้นหันมาทางตน  เสียงหัวใจเต้นระรัวเมื่อใบหน้าของเราสองคนห่างกันไม่ถึงคืบ

นายได้ยินหมดแล้วสินะลมหายใจถึงกับสะดุด  จุนซูรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย  แต่แจจุงก็ไม่ได้ทำร้ายหรือแตะต้องจุนซูเลยสักนิด  ที่รู้ว่าตนแอบฟังเรื่องราวเมื่อครู่

แม้จุนซูจะรอฟังคำระบายของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะอัดอั้นมานานจนแทบระเบิดออกมาเป็นทางน้ำตา  แต่กระนั้นก็ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากของแจจุงเลย  มีเพียงความเงียบเท่านั้น...

แจจุง  หากตาไม่ฝาด บังเอิญตนเห็นดวงตาของอีกฝ่ายมีหยาดน้ำสีใสๆคลอหน่วงอยู่ตลอดเวลา  ฝ่ามือเล็กทั้งสองข้างยกขึ้นประคองสองแก้มที่ติดจะหยาบไว้อย่างไม่อิดออด ใบหน้าหวานเคลื่อนเข้าหาใบหน้าหล่ออย่างเชื่องช้า พร้อมทั้งจูบซับที่เปลือกตาคมบางเบา  ซึ่งแจจุงก็หลับตาลงพยายามซึมซับความอบอุ่นที่อีกฝ่ายได้ถ่ายทอดให้

นายทำให้หัวใจของฉันยังคงเต้นอยู่...คิมจุนซู

ไม่เป็นไรนะ นอกจากน้องสาวของนายแล้ว ยังมีฉันที่จะอยู่เคียงข้างนายเสมอ ฮึ่กก ขอแค่นาย ...อย่าทิ้งฉันไปไหนก็พอแล้ว

ฉันไม่ขอสัญญา  หากวันใดวันหนึ่งนายได้พ้นข้อหา  นายต่างหากที่จะต้องปล่อยมือไปจากฉัน

ริมฝีปากบางที่กำลังเอ่ยวาจาถูกแนบสนิทด้วยริมฝีปากอุ่นซ่านของแจจุงแทนคำตอบ  ร่างแกร่งได้เขยิบกายเข้ามาใกล้ร่างเล็กมากกว่าเดิม ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นจับแก้มใสเพื่อปรับองศาให้อีกฝ่ายได้รับรสจูบจากตนได้ง่ายขึ้น  จุนซูเผลอจับไหล่กว้างด้วยความรู้สึกวาบหวาม  พลางขยับกายเข้าไออุ่นจากร่างแกร่งจนแทบหลอมละลาย

และร่างกายได้พันธนาการสองหัวใจให้ผูกติดไว้จนไม่สามารถคลายออกจากกัน  แม้บ่วง จะคือกรรมที่ชักพาให้คนทั้งสองได้ตกอยู่ในห้วงแห่งอารมณ์  แต่บ่วงรักที่มีสองสายเลือดผสานกัน  นั้นสามารถเชื่อมโยงหัวใจของแจจุงและจุนซูให้รู้สึกผูกพัน

เซ็กซ์ในครั้งนี้  ก็อาจจะมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง

อ..อ๊า แจ..แจจุง  ฉัน..รักนายเสียงครางแห่งความสุขสมที่เพรียกหาแต่ชื่อของเขาพร้อมคำบอกรักที่ออกมาจากปากของอีกฝ่ายในขณะที่ร่างกายยังคงเชื่อมต่อกัน  เมื่อได้ยินคำนั้น  ทำไมหัวใจกลับรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกบีบด้วยน้ำมือของคนตรงหน้า  จุนซู...นายกำลังจะฆ่าฉันให้ตายลงอย่างช้าๆ  ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนยากจะมอบให้กับใครคนหนึ่ง ชั่วชีวิตของนักฆ่าอย่างเขาต้องทิ้งความรู้สึกนั้นไว้และก้าวไปข้างหน้าตลอดทางที่แปดเปื้อนไปด้วยเลือด

แต่คำบอกรักของนาย...มันกำลังทำให้ฉัน...อ่อนแอ  อย่างที่ไม่เคยเป็น

แสงอรุณแรกแย้มวันใหม่ได้สาดส่องเข้ามาผ่านรอยแยกของม่านหน้าต่างจนตกกระทบเข้ากับเนื้อนวลที่โผล่พ้นชายผ้าห่มเรื่อยขึ้นมาถึงใบหน้ากระจ่างใส  เปลือกตาเรียวกระพริบถี่ ก่อนจะลืมขึ้น   แต่แล้วก็ต้องหลุบตาลงต่ำด้วยความแสบเมื่อถูกแสงแดดส่องแยงตาเข้า  รอยยิ้มถูกจุดขึ้นที่ริมฝีปากสีระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อยามมองดูที่เอวตนยังคงถูกโอบกอดไว้จากคนข้างหลังไม่คลายไปไหน  ร่างบางค่อยๆขยับกายเพื่อที่จะหันไปหาอีกฝ่าย  ซาตานตัวร้ายเวลานอนดูน่าหลงใหลและไร้พิษสงใดๆ  แต่หากตื่นขึ้นมาเขาก็ไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป  ความรู้สึกที่มีให้กับคนตรงหน้า  มีเพียงความรักเท่านั้น

แจจุง..เช้าแล้วนะ ไม่ตื่นหรอจุนซูไม่อาจรู้เลยว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นออดอ้อนคนฟังได้มากแค่ไหน แม้เปลือกตาคมจะยังปิดสนิทแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าตัวจะยังหลับอยู่  แน่นอนว่าคนอย่างแจจุงต้องตื่นก่อนจุนซูอยู่แล้วเพียงแค่ไม่ยังอยากลุกออกจากเตียง  ยิ่งมีคนข้างๆนอนอยู่ด้วย ยิ่งไม่อยากลุกไปไหนเลย

ยังไม่ตื่นงั้นนอนต่อก็ได้...  แก้มใสแนบลงไปที่แผงอกเปลือยเปล่า พลางขยับกายเข้าหาร่างแกร่งจนเนื้อแนบเนื้อ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายลามมาถึงหัวใจ แม้จะมีผ้าห่มคลุมกายอยู่แล้วก็ตาม  แต่เมื่อเนื้อได้ห่มเนื้อ ย่อมอุ่นกว่าเป็นไหนๆ   

ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ บางครั้ง  ก็จากเราไปอย่างไม่ทันตั้งตัว  สิ่งที่ทำได้ ก็คือเก็บเกี่ยวและซึมซับเข้ามาในหัวใจให้มากที่สุด เพราะเวลามักจะเดินไปข้างหน้าเสมอ...

เรื่องที่มีนักโทษชายแหกคุกไปถึงสองรายถูกปิดเงียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะยูชอนได้ดำเนินการทุกอย่างด้วยตนเอง  สั่งปิดข่าวกับสื่อทุกสำนัก  หากมีข่าวแพร่งพรายออกมา จากสื่อใด และแหล่งข่าวไหนก็ตาม เขาจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

คิมอึนยองและทนายความส่วนตัวได้เดินทางมาถึงศาลเกาหลีใต้ในเวลารุ่งเช้าตามคำสั่งหมายนัดของศาล  ในมือถือซองสีน้ำตาลที่เป็นหลักฐานสำหรับสู้คดีในชั้นศาล  เพียงแค่นี้ก็ดูออกแล้วว่าใครจะชนะคดี  ชัยชนะควรจะตกอยู่ในมือของหล่อนอย่างไม่ต้องสงสัย

หากไม่ทราบข่าวว่าศาลได้เลื่อนพิจารณาคดีไปแบบไม่มีกำหนด เนื่องจากจำเลยได้แหกคุกหนีออกไปได้

บ...บ้าชะมัดฝ่ามือหยาบกร้านกำเข้าหากันแน่น  หล่อนโกรธจนตัวสั่น ทั้งที่วันนี้ท้องฟ้าก็แจ่มใสดี เป็นลางบอกว่าเขาจะต้องชนะคดีอย่างแน่นอน  ทำไมกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้

คิมแจจุง..อย่าบอกนะ ว่าแกเป็นคนพาไอ้ลูกนอกไส้ของฉันหนีไป  ลำพังไอ้เด็กขี้โรคนั่นจะมีปัญญาอะไรแหกคุกออกไปได้  บัดซบที่สุด

หล่อนนัดพบกับยูชอนด้วยความร้อนรน  ซึ่งชายหนุ่มก็ยอมมาตามนัดแต่โดยดี

พลาดอีกแล้วเหรอ?  คนอย่างนายน่าจะลาออกจากการเป็นตำรวจไปซะนะ  จะต้องให้พลาดอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่กัน!” หล่อนตะคอกใส่ตำรวจหนุ่มอย่างหัวเสีย   ในเมื่อตอนนี้จำเลยของตนได้หนีรอดออกมาได้ทั้งนั้น

จากลักษณะของอึนยองเมื่อได้ทราบข่าว  ดูจะไม่ปราณีลูกเลี้ยงตัวเองเลยสักนิด  กะจะให้จุนซูโดนประหารจริงๆน่ะเหรอ  โหดร้ายไปแล้วสำหรับคนเป็นแม่ แม้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆก็ตาม  แต่อย่างน้อยก็อยู่ด้วยกันมา ย่อมมีความผูกพันเป็นธรรมดา

แต่ในสายตาของหญิงสาววัยกลางคนดูจะไม่ชอบจุนซูเอาซะเลย

ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดี ที่ลูกชายของคุณโดนฆ่าตาย นั่นอาจจะทำให้คุณแค้นใจจำเลยอย่างคิมจุนซูมาก  แต่ความผูกพันที่คุณได้เลี้ยงและดูแลจุนซูมา  มันไม่ได้ช่วยให้คุณปราณีลูกเลี้ยงตัวเองเลยเหรอ?” ยูชอนเริ่มจี้จุดอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ จนได้เห็นสีหน้าที่ไม่พอใจของคิมอึนยองอย่างเห็นได้ชัด

หรือคุณไม่หลงเหลือความรัก และความผูกพันให้ลุกเลี้ยงคุณเลยตั้งแต่ทีแรกเส้นอารมณ์ขาดผึงยากที่จะต่อให้ติดอีกครั้ง

นี่เขาเรียกว่าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกันหรือเปล่าเจ้าหน้าที่ปาร์ค หึ  ยังไงฉันก็จะให้ตำรวจนายอื่นตามจับกุมมาให้ได้  คนร้ายจะปล่อยให้ลอยนวลหรือไง  และขอบอกไว้เลย ว่าฉันจะไม่รบกวนคุณเรื่องนี้  กลัวจะทำพลาดจนโดนตำหนิอีก หึๆ

และถ้าคุณจะดำเนินการให้ตำรวจนายอื่นๆตามจับกุมตัวนักโทษที่แหกคุกออกไป ขอให้เป็นไปอย่างเงียบๆ อย่าปล่อยข่าวให้ครึกโครมเหมือนที่คุณเคยทำ

แล้วนายเป็นใครถึงมีสิทธิ์มาสั่ง  เป็นแค่ตำรวจยศกระจอกๆ คิดจะสั่งฉันได้เหรอ? เจ้าหน้าที่ปาร์ค”  ยูชอนยกยิ้มให้กับคำพูดนั้น  ก่อนจะจัดการล้วงอะไรบางอย่างในกระเป๋าขึ้นมา  แล้วชูให้หญิงสาวตรงหน้าดู ว่าความจริงคืออะไร  ยศที่ติดภายในกระเป๋านั้น  บ่งบอกถึงตำแหน่งใหญ่ของยูชอน ที่เป็นถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 

จะมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์ยังไงคุณก็ต้องทำตามที่ผมบอก ไม่อย่างงั้น ผมก็ไม่ปล่อยคุณไว้เหมือนกัน  อึนยองตัวแข็งทื่อเหมือนถูกตรึงไว้  ดวงตาเรียวเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่คาดคิดว่าตำรวจหนุ่มตรงหน้าจะมียศใหญ่โตถึงเพียงนี้

เรื่องง่ายๆ กลับกลายเป็นยากขึ้นไปอีก...

ช่วงเที่ยงของวันนั้น ยุนโฮได้ถูกยูชอนเรียกให้เข้ามาในห้องทำงานของตน  ซึ่งพอร่างสูงโปร่งได้มายืนอยู่ตรงหน้าตำรวจหนุ่มที่นั่งพิงพนักเก้าอี้อยู่ที่โต๊ะทำงานนั้น  ก็ซ่อนสีหน้าไว้ไม่แสดงอาการอะไรออกมา 

มีอะไรจะพูดหรือเปล่า?” หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า

ไม่นี่ คุณต่างหาก มีอะไรถึงเรียกผมมาหรือว่าอีกฝ่ายจะรู้แล้ว เลยพูดแบบนั้นออกมา  ใช่สิ..ยูชอนไม่ใช่คนโง่ และถ้าหากจะไล่ตนออก ก็ไม่เห็นเสียหายอะไรนี่

หากคุณรู้เรื่องทุกอย่างดี  ที่เหลือคุณจะจัดการกับผมยังไงก็ได้ ผมคงไม่แก้ตัวอะไร ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ  ก่อนที่จะหันหลังให้  พร้อมทั้งจะเดินออกไปจากห้อง หากแต่ถูกอีกฝ่ายพูดดักเสียก่อน

เดี๋ยวก่อนสิเสียงฝีเท้าหยุดลง 

นายช่วยฉันสืบคดีของจุนซู และนักโทษ 10คนนั้นด้วย ได้หรือเปล่า?” ก่อนจะหันหลังกลับมาเมื่อได้ยินประโยคนั้น

รับทราบครับ”  เข้าทางสิ เขาตั้งใจไว้ว่า พอได้ช่วยเพื่อนรักออกมาได้แล้ว  ที่เหลือ เขาอยากจะสะสางและช่วยหาทางออกให้พวกลูกน้องได้พ้นคดีอย่างไม่มีข้อกังขา จะได้ไม่ต้องถูกตามล่าโดยหาความสุขไม่ได้เลย

ว่าแต่ชางมิน...ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนกันนะ
.
.
.

ที่ห้องพักของชางมิน

พี่ชาย...ว่าแต่พี่ชายทำงานอะไรเหรอ แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับ  ที่ให้พวกเราได้พักอาศัยที่นี่อ่ะ ถ้าไม่ได้พี่ชายพวกเราแย่แน่ๆเลย  แทมินเอ่ยขอบคุณพี่ชายตัวสูง  คนที่มีพระคุณต่อตนและคนรัก หากไม่ได้พี่ชายคนนี้พวกเขาคงไม่มีที่ไป

อย่ารู้เลย เดี๋ยวฉันออกไปข้างนอกก่อนนะ พวกนายจะกินอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวฉันซื้อของมาฝากเพราะเด็กพวกนี้เล่าให้ฟังว่าถูกตามล่าจากซึงฮยอนอยู่ อันที่จริงเขาก็พอรู้มาจากข่าวที่ว่าเจ้าสาวของมาเฟียโหดหายตัวไป  ที่สำคัญไปกว่านั้นเด็กพวกนี้ยังรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับจุนซูอีกต่างหาก  ซึ่งแทมินก็ได้เล่าให้เขาฟังทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นกับจุนซู

แล้วพี่ชายยังได้โทรมาบอกอีกว่า...มีนักโทษแหกคุกออกไปสองราย ซึ่งหนึ่งในนั้น เป็นคิมจุนซูด้วย

จุนซู..ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนกัน  ทำไมชีวิตของนายต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ

ความจริงผมก็อยากจะออกไปข้างนอกบ้างนะ แต่คนพวกนั้นคงอยู่ทุกที่ทุกตารางนิ้วในประเทศเลยน่ะ  ลำบากพี่ชายอีกแล้ว อนยูพูดเสริมขึ้นมาอย่างนึกเกรงใจ ลำพังมีที่ซุกหัวนอนก็ดีแค่ไหนแล้ว

ไม่ลำบากหรอก พวกนายมากกว่าที่ลำบาก ไปก่อนนะ อ้อ! ฉันแนะนำไม่ให้ใช้โทรศัพท์โทรหาใครนะ เพราะคนที่ตามล่าพวกนายอาจจะดักฟังสัญญาณอยู่ก็ได้”  พูดพร้อมเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว โดยทิ้งเด็กหนุ่มสองคนไว้ให้อยู่ในห้องของตน
.
.
.
ถึงเวลาที่แจจุงและจุนซูจะต้องออกมาเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง  ร่างสูงได้สวมกอดน้องสาวก่อนจะผละกายออกมา  ตัดไม่ได้เลยกับความกังวลและเป็นห่วงอยู่ล้นอกที่จะให้จียอนได้ใช้ชีวิตตามลำพังแบบนี้

พี่ไปก่อนนะ ว่างๆจะมาหา ถ้าพี่ยังคงมีชีวิตรอดถึงตอนนั้น

รักษาตัวด้วยนะคะ  พี่อีกคน..ก็ด้วยนะคะ”   ดวงตากลมสดใส แต่แลดูว่างเปล่าจนน่าใจหาย  สิ่งที่โหดร้ายมากกว่านั้นคือหญิงสาวน่ารักตรงนี้...มองไม่เห็นอะไร  จุนซูก็เพิ่งรู้เหมือนกัน  นั่นก็ทำให้เขาสงสารจียอนมากกว่าเดิมหลายร้อยเท่า

หลังจากได้เอ่ยคำร่ำลากับน้องสาวของตนเรียบร้อย  คนทั้งสองจึงออกมาตามทางเดินที่ไม่รู้จะเจออะไรข้างหน้าหรือเปล่า  แจจุงรู้สึกแปลกใจตัวเองไม่น้อย ทั้งที่ไม่เคยกลัวอะไร ในตอนนี้เขากลับกลัวทั้งทางข้างหน้า และข้างหลัง  แต่ก็ต้องเก็บซ่อนมันไว้ให้ลึกที่สุด

ร่างเล็กที่เดินเคียงข้างกับร่างแกร่งไม่ห่างไปไหน  ได้เหลือบมองดูคนข้างๆที่ในตอนนี้สวมแว่นสีดำของตนไว้ด้วย  ส่งผลให้ใบหน้าหวานเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม  ไม่มีเลยสักครั้งที่แจจุงจะไม่หันมามองในเวลาที่เขาชอบแอบมอง

ฝ่ามือใหญ่ผลักศีรษะกลมจนร่างเล็กแทบถลาไปข้างหน้ากับแรงผลักแค่นิดเดียวเท่านั้น

เดินน่ะมองทางด้วยสิ อย่ามัวแต่มองฉัน เขาผลักศีรษะของอีกฝ่ายเพราะความเอ็นดูเท่านั้น ไม่ได้จะแกล้งหรือทำร้ายให้ช้ำอะไร แต่ดูแล้วเขาคงเผลอมือไปหน่อย ร่างของจุนซูถึงได้เซไปข้างหน้าจนแทบล้ม

นายมันโหดร้ายไม่เปลี่ยนเลยฝ่ามือเล็กยกขึ้นลูบศีรษะป้อยๆ กระนั้นเขาก็ไม่ได้โกรธคนข้างๆหรอก แต่เขินต่างหากที่ถูกจับได้

ทั้งสองได้เดินมาหยุดอยู่ตรงป้ายรถเมล์ พยายามทำตัวให้เหมือนคนทั่วไปไม่วอกแวกและทำตัวให้ปกติที่สุด  เผื่อจะมีใครที่รู้ว่าพวกเขาแหกคุกออกมาและจำหน้าได้   ท่ามกลางหมู่คนวัยทำงานที่ยืนรอรถประจำทางเลยไม่ได้สนนักโทษอย่างแจจุงและจุนซูเลยสักนิด เพราะทั้งสองนั้นทำตัวกลมกลืนราวกับกิ้งก่าเปลี่ยนสี  เลยไม่มีใครสงสัยหรือสังเกตอะไร

แต่หัวใจของจุนซูนี่สิ เต้นไม่เป็นส่ำเลย  หวาดกลัวและหวาดระแวงไปหมด เพราะเขาไม่เคยเลยที่จะต้องมาเจออะไรแบบนี้ แจจุงกระชับฝ่ามือนิ่มไว้แนบแน่น  และนั่นก็ทำให้ร่างเล็กรู้สึกอุ่นใจไม่น้อย

ขอแค่มีแจจุงอยู่ข้างๆก็พอแล้ว  เขามักจะพูดกับตัวเองในใจแบบนี้เสมอ

แล้วเราจะไปที่ไหนกันเหรอ?” เอ่ยถามขึ้นอย่างกังวล แม้จะมีฝ่ามือของคนข้างๆจับไว้ตลอดก็ตาม

ไปเรื่อยๆ แบบไร้จุดหมายเอ่ยตอบไปด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก

แจจุงได้พาร่างเล็กก้าวขึ้นไปนั่งบนรถเมล์เมล์ปรับอากาศซึ่งมีสองที่นั่งว่างอยู่  คนทั้งสองจึงเดินเข้าไปนั่ง  แอร์เย็นๆเป่ารดศีรษะจนรู้สึกผ่อนคลาย  ด้วยความสบายนั้นทำให้คนตัวเล็กผล็อยหลับไป ศีรษะกลมค่อยๆเคลื่อนลงซบไหล่กว้างด้วยความอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า  ฝ่ามือของทั้งสองไม่ได้คลายออกจากกันเลย ราวกับโดนกุญแจข้อมือล็อกติดกันไว้ใบหน้าหล่อเสหันมามองคนขี้เซาข้างๆ หากเราได้พบเจอกันด้วยดี ไม่ต้องมาเผชิญกับเรื่องบ้าๆแบบนี้  ในหัวใจก็คงจะสุขได้อย่างเต็มที่ 

ไม่ต้องกลัวว่าความสุขมันจะหายไป เพราะชีวิตไม่รู้จะได้เจออะไรกับทางข้างหน้าบ้าง   เพราะฉะนั้น  ไม่มีความรู้สึกอะไรนั้นเป็นทางออกของหัวใจที่ดีที่สุด

จะมีความรู้สึกทำไม ให้หัวใจเจ็บปวด...

ไม่รู้หรอกว่าจะไปที่ไหน  แต่เมื่อนั่งมาสุดสายแล้วก็คงต้องลง  แจจุงปลุกคนตัวเล็กให้ตื่นขึ้นมา  ก่อนจะพากันเดินลงมาจากรถเมล์ปรับอากาศ 

หิวแล้ว..หาอะไรกินก่อนได้มั้ย? ตื่นมาไม่ทันไรก็ถามหาของกินเสียแล้ว  จุนซูรู้สึกสงสารท้องไส้ของตัวเองไม่น้อย  ทั้งที่ก่อนออกจากคอนโดก็แอบหาอะไรในตู้เย็นทานจนอิ่ม  แต่แล้วก็หิวอีก

รู้สึกช่วงนี้จะหิวบ่อยนะ ท้องเหรอไง?” แจจุงพูดแบบไม่คิดอะไร แต่จุนซูนี่สิกลับนิ่งคิด

ไม่รู้สิ บางทีรู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในท้อง เหมือนโดนแย่งของกินในกระเพาะไปหมดเลย  อาจจะเป็นอย่างที่นายพูดก็ได้คนตัวเล็กพูดออกไปอย่างไร้เดียงสา   ไม่แน่ตนอาจจะท้องอยูก็ได้ เพราะรู้สึกอึดอัดที่ท้องและบางครั้งก็หน้ามืดอย่างไม่ทราบสาเหตุ และถ้าเขาท้อง พ่อของเด็กก็ต้องเป็นแจจุงสิ เพราะเขาไม่เคยมีอะไรกับใครเลย  คิดได้แบบนั้นก็ทำให้ตัวเองยิ้มไม่หุบ

หึ..ไร้สาระ...ผู้ชายจะท้องได้ยังไง ก่อนจะหุบยิ้มลงคล้ายกับฝันสลาย  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็คงจะมองเป็นเรื่องไร้สาระตลอดเลยสินะ ก็ใช่น่ะสิ  มันไม่ได้เกิดขึ้นจริงนี่นา  แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกน้อยใจด้วย

โชคดีที่ว่า สุดสายของรถเมล์ที่ทั้งสองได้นั่งมานั้นเป็นตลาดเมียงดง ตลาดที่เปรียบเหมือนสยามสแควร์เกาหลี เป็นทางถนนเข้าไป และแบ่งออกเป็นหลายๆซอยๆ  มีทั้งเสื้อผ้าของใช้อะไรสารพัด แต่นั่นไม่ใช่สิ่งจำเป็นของคนทั้งสองในตอนนี้เลย  เพราะอีกคนงอแงร้องหาแต่ของกิน  แจจุงคงไม่ใจร้ายถึงขนาดให้คนตัวเล็กอดอยากขนาดนั้น

นั่นไง เข้าไปซื้อสิ... นี่เงิน  เมื่อเห็นรถเข็นริมทางเป็นร้ายขายต๊อกโบกี ดูแล้วคงจะพอประทังอีกชีวิตไปได้อีกมื้อ  แจจุงจึงควักเงินให้อีกฝ่ายเท่าที่พอกับค่าของกินแล้วยื่นให้ จุนซูรับมันมาพร้อมทั้งดึงแขนของแจจุงที่ยืนนิ่งอยู่ให้เข้ามายืนหน้าร้านด้วย

กินด้วยกันสิ เงินของนายนะ”  พูดพลางยืนตักของกินตรงหน้าร้านใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับไม่ได้ทานอะไรมาหลายวัน พร้อมทั้งหันมามองอีกฝ่ายที่ยังคงหันไปทางอื่น ไม่มีท่าทีว่าจะสนของกินเลย

ไม่หิว จะกินก็กินไป สายตานักล่าภายใต้แว่นสีดำราคาแพงนั้นคอยมองซ้ายทีขวาทีอย่างระแวดระวัง  มันไม่น่าจะนิ่งขนาดนี้ เชื่อว่าตำรวจต้องกำลังตามจับกุมเขาและคนข้างๆอย่างแน่นอน ในที่แห่งนี้ก็อาจมี จะชะล่าใจไม่ได้เลย

บ้าเอ๊ย!”แจจุงสบถกับตัวเองเบาๆ เมื่อเหลือบไปเห็นตำรวจสองนายกำลังเดินเข้ามา แต่ดูท่าแล้วคงจะยังมองไม่เห็นพวกเขา  ถึงอย่างไรก็คงนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้แล้ว  รู้สึกไม่ปลอดภัย

จะกินพอได้หรือยัง ร่างสูงก้มลงกระซิบร่างที่เล็กกว่า พร้อมดึงฮู้ดขึ้นมาคลุมศีรษะของอีกฝ่ายให้ และออกแรงดึงแขนเล็กกระตุกแรงๆเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดตักอาหารเสียที  หางตายังคงเหลือบมองอันตรายที่ย่างกรายเข้ามาใกล้เรื่อยๆ  ในระยะที่ไม่เกินเมตร

ยังกินไม่เท่าไหร่เองนะหันมามองด้วยอาการที่เริ่มไม่พอใจ  โดนขัดนิดหน่อยเขาก็ถึงกับอารมณ์ไม่ดีเสียแล้ว

จ่ายเงินไปซะ แล้วออกไปจากตรงนี้ให้ไวบีบแขนเล็กแรงๆจนเกิดห้อเลือดแดงๆเป็นจ้ำๆ จุนซูนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เขารู้สึกไม่เข้าใจอีกฝ่ายจริงๆ

แจจุง..พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พร้อมมองของกินตรงหน้าสลับกับมองใบหน้าหล่อ เขายังคงตัดใจไม่ได้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

บอกให้รีบๆจ่ายเงินไปซะ!” ปลายเสียงเริ่มตะคอกเบาๆ  ทำไมถึงได้เข้าใจอะไรยากเย็นแบบนี้นะ หากหยิบปืนขึ้นมายิงตำรวจสองนายนั้นได้ก็คงจบ แต่สถานการณ์แบบนี้มันไม่ใช่ เดี๋ยวจะยิ่งวุ่นวายกันเข้าไปใหญ่

จุนซูยอมทำตามอย่างไม่เข้าใจอะไรนัก พร้อมทั้งหันตัวไปอีกทางไม่อยากจะยืนและเดินกับคนใจร้ายอีกแล้ว  ขัดใจไปเสียหมด  หารู้ไม่ว่าทางที่จะเดินตรงไปมันไม่ควร  ระยะทางที่เริมสั้นเข้าไปทุกทีระหว่างนักโทษแหกคุกและตำรวจ 

แจจุงดึงคนดื้อรั้นให้หันกลับมาด้วยเรี่ยวแรงที่มีมากกว่าหลายเท่า ใบหน้าหวานกระแทกไปกับแผงอกแกร่งอย่างแรง และได้ถูกฝ่ามือใหญ่กดท้ายทอยตนจนใบหน้าแทบจะจมหายไปกับแผงอกแข็งแรงนี้อยู่แล้ว

เพิ่งหลุดจากพวกมันมาได้  คิดอยากจะเข้าไปตายในนรกนั่นอีกหรือไงใบหน้าหล่อก้มลงพร้อมกระซิบเสียงแผ่ว ฝ่ามือค่อยๆคลายออกจากศีรษะกลมเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเฉยไม่ขัดขืนอะไรแล้ว หวังว่าคงจะเข้าใจอะไรดีแล้วด้วย

ร่างแกร่งหันหลังไปอีกทาง  พร้อมทั้งเดินไปข้างหน้าโดยดันให้ร่างเล็กเดินนำหน้าไปก่อน เพราะข้างหลังไม่ปลอดภัย   ทางข้างหน้าไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงนัก

คิม..แจจุงร่างสูงหยุดชะงัก ปลายเท้าอีกข้างที่จะก้าวไปข้างหน้าหยุดแน่นิ่ง  หลับตาลงก่อนจะค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ   ไอ้ตำรวจโง่ๆพวกนี้  ไม่คิดว่าจะฉลาดเหมือนกันนี่

อย่าคิดว่าพวกฉันจำนายไม่ได้สิปลายกระบอกปืนจ่ออยู่ที่เอวหนาเพื่อเตือนอีกฝ่ายเป็นเชิงว่าหากขยับตัวไปไหน ลูกตะกั่วอาจจะทะลุเข้าไปในร่างนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้  จุนซูรู้สึกใจคอไม่ดี อยากจะหันหลังกลับไปมอง หากแต่ใจกลับให้ก้าวเดินไปข้างหน้า อย่าหยุด แค่นั้น...คือสิ่งที่กำลังสั่งตน

แกร๊ก…

กุญแจมือถูกสวมเข้าที่ข้อมือแกร่งทั้งสองข้างอย่างง่ายดาย ตำรวจหนุ่มรู้สึกย่ามใจที่อีกฝ่ายไม่ขัดขืนอะไร  ทั้งสองเดินควบคุมนักโทษแหกคุกอย่างแจจุงไว้ แต่เมื่อเห็นแจจุงหยุดนิ่งไม่ยอมเดิน แม้ดึงแขนอย่างแรงก็ยังไม่ขยับไปไหน  ปืนคงเป็นสิ่งเดียวที่จะขู่นักโทษได้ แต่นั่นไม่ใช่กับแจจุง

ผลั่ก!

ตำรวจหนุ่มคนหนึ่งเตะเข้าที่ข้อพับของของร่างสูงจนทรุดตัวลงไปนั่ง เข่าทั้งสองข้างกระแทกไปกับพื้นปูนอย่างแรง 
ถ้าเชื่อฟังกันก็ไม่ต้องเจ็บตัวจ่อปืนเข้าที่ขมับข้างขวาของแจจุงอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นอีกฝ่ายตั้งท่าจะลุกขึ้นยืน  เขาทั้งสองหวังไว้อย่างสูงว่าจะต้องจับนักโทษอย่างคิมแจจุงจุงมาให้ได้เพราะอาจจะส่งผลถึงการเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง และอาจจะได้รับคำชมมากมายจากผู้สั่งการ  เพราะการจับกุมคิมแจจุงให้เข้าไปในคุกอีกครั้ง ถือเป็นการแข่งขันของตำรวจหลายคน
              
  เบื้องหลังของการจับกุมทั้งแจจุง และจุนซู คิมอึนยองเป็นคนสั่งการทั้งหมด
            
    จับมันขึ้นมาตำรวจหนุ่มอีกคนทำตามอย่างว่าง่าย จัดการดึงชายหนุ่มขึ้นมา และจับต้นแขนของแจจุงให้เดินตามมาติดๆ  ปลายกระบอกปืนที่จ่ออยู่ข้างขมับค่อยๆลดลงช้าๆ  แจจุงใช้จังหวะที่อีกฝ่ายชะล่าใจ  แขนที่ถูกสวมด้วยกุญแจมือใช่ว่าจะใช้การอะไรไม่ได้  เขาสะบัดข้อแขนให้หลุดออกจากพันธนาการ  เหวี่ยงข้อศอกกระทุ้งเข้าที่ปลายคางของตำรวจหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างซ้ายอย่างแรง จนเกือบหงาย  และได้ถีบเข้าที่หน้าท้องของตำรวจที่ยืนอยู่ด้านขวา  จนเผลอปล่อยปืนในมือตกลงสู่พื้น  ไม่รอช้า แจจุงรีบวิ่งไปข้างหน้าท่ามกลางผู้คนที่ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  เขาเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะได้วิ่งตามคนตัวเล็กไปติด ๆ เมื่อวิ่งไปถึงในระยะประชิดตัวจึงตะโกนบอกอีกฝ่ายที่กำลังเดินไม่รู้ประสีประสา
             
   วิ่ง!” เมื่อข้อมือถูกพันธนาการไว้ไม่สามารถจับข้อมือของอีกฝ่ายให้วิ่งไปกับตนได้ ไหล่แกร่งจึงกระทุ้งเข้าที่ไหล่บาง ทำให้ใบหน้าหวานหันมามองด้วยแววตาตกใจ เมื่อได้ยินคำสั่งของอีกฝ่าย ตนจึงหันไปมองข้างหลังที่มีตำรวจสองนายกำลังวิ่งตามแจจุงมา และถ้าเห็นเขา เขาจะเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของตำรวจสองนายนั้นอย่างแน่นอน จากที่เดินเนือยๆอยู่ ตนจึงค่อยๆเร่งฝีเท้าจากเดินให้เร็วกว่าเดิมก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นวิ่งตามหลังร่างแกร่งที่ชะลอฝีเท้าให้ตนได้วิ่งตามไปติดๆ  ก่อนที่แจจุงจะหยุดชะงักเพื่อให้จุนซูได้วิ่งนำตนไปและตนจึงออกแรงวิ่งตาม  เพราะหากจุนซูได้วิ่งตามหลังคงไม่ปลอดภัยแน่ๆ


.....................
สวัสดีจ้าา หายไปเดือนนึงได้อ่ะ สำหรับเรื่องนี้ อิอิ
ต่อไปคงหายไปจริงๆน๊า เหตุผลคือ
1.เทอมนี้คงเรียนหนัก แบบแทบไม่ให้หยุดหายใจ ไม่เหมือนเทอมที่แล้วๆ ที่เรียนแบบเรื่อยๆ
2.แรงบันดาลใจสองคิมมันเริ่มหดหายไปแบบใจหายเลยอ่ะ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร T^T
สองเหตุผลก็รู้สึกแย่แล้วง่ะ  ขอโทษด้วยนะคะ  หากทั้ง 3 เรื่องของเก๊ามันจะไม่จบ T^T
เดี๋ยวถ้าแรงบันดาลใจ หรืออะไรต่างๆเข้าที่แล้ว  เก๊าจะหันหลังกลับมาอีกทีน๊าาา
คอนจุนก็ไม่ได้ไปดูเลย  มีใครไปดูบ้างคะ ฝากเก็บเหงื่อจุนมาฝากด้วยนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่รอ และเป็นกำลังใจให้แอมมาโดยตลอดนะคะ  
ต่อไปนี้อย่ารอแอมเลยน๊า....ไม่รู้จริงๆ ว่าจะสามารถ ปั่นฟิคได้อีกตอนไหน  ขอโทษด้วยนะคะ T^T